1688 ส่องเทรนด์ E-Commerce ที่กำลังมาในปี 2021

1688 ส่องเทรนด์ E-Commerce gettaobao 1688 1688 ส่องเทรนด์ E-Commerce ที่กำลังมาในปี 2021 1688                                E Commerce gettaobao 768x402

1688 แพลตฟอร์ม E-Commerce ชื่อดังของจีน ที่เน้นขายส่ง และรับผลิตสินค้าติดแบรนด์ ถือเป็นแหล่งสั่งซื้อออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับผู้ประกอบการคนไทย 

อย่างไรก็ตาม การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ระหว่างปี 2018-2019 พบว่า ตลาด E-Commerce เติบโตสูงขึ้นจาก 2.9 เป็น 3.5 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ แม้กระทั่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ก็ดูเหมือนว่าธุรกิจออนไลน์ ยังคงไปได้สวย เหนือกว่าธุรกิจอื่นๆ ซึ่งช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ที่ขายดีที่สุดคือ Taobao Tmall และ 1688

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราจึงต้องเกาะติดเทรนด์ล่าสุดของธุรกิจนี้ โดยเฉพาะหากคุณเป็นคนหนึ่งที่เปิดร้านออนไลน์ หรือกำลังคิดจะเริ่มต้น มาดูกันว่า เทรนด์มาแรงของธุรกิจ E-Commerce ในปีนี้ และปีหน้านั้น มีอะไรที่ต้องเตรียมรับมือ

  1. ลูกค้ายุคใหม่ ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม

ลูกค้าอย่างน้อย 51% ยอมจ่ายมากขึ้นเพื่อให้ได้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับผู้ประกอบการร้านค้า ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ต้องเร่งปรับตัว เพราะลูกค้ายุคใหม่ จะพิจารณาว่า

  • ใช้วัสดุทางเลือกในการขนส่ง เช่น ใช้กระดาษฝอยสำหรับกันกระแทก
  • ลดการใช้บรรจุภัณฑ์เท่าที่จะทำได้
  • ตรวจสอบโรงงานผลิตถึงกระบวนการผลิตสินค้า

โดยในปีนี้ เป็นสิ่งจำเป็นมากที่ผู้ประกอบการจะแสดงให้เห็นว่าธุรกิจของคุณมีนโยบายหรือมาตรการที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ข้อดีของการหันมารักษ์โลกคือ ช่วยให้ธุรกิจประหยัดต้นทุนมากขึ้น เช่น ใช้กระดาษฝอยแพ็คสินค้าทำให้ช่วยประหยัดได้มากกว่าการใช้พลาสติกกันกระแทก และยังเป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ (อ่านเพิ่มเติม สำรวจสินค้าขายดีในช่วง Covid-19

  1. ใช้เสียงสั่งซื้อออนไลน์

ในปี 2018 มีเพียง 3% ของการใช้เสียงสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ แต่ภายในปี 2021 เป็นที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 18% และไม่ได้แค่ใช้เสียงในการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เท่านั้น แต่จะใช้สำหรับการค้นหาสินค้าที่ต้องการอีกด้วย นั่นหมายความว่า เว็บไซต์ของร้านค้าจึงควรทำให้ง่ายโดยการใช้เสียงสำหรับค้นหาสินค้า และควรมีมากกว่า 1 ภาษาเพื่อรองรับลูกค้าหลายกลุ่ม แต่หากไม่มี อาจใช้วิธีสร้างหน้าเว็บรวมคำถามที่พบบ่อยๆ แทน

  1. เตรียมพร้อมสำหรับ Google Marketplace

Google เป็น Search Engine ขนาดใหญ่ และได้เริ่มทำร้านค้าออนไลน์ของตัวเองแล้ว ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น และหากคุณต้องการเปิดร้านค้าออนไลน์กับ Google ต่อไปนี้คือสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อม

  • ต้องมีบัญชี Google
  • ลงทะเบียนเป็นร้านค้าใน Google คลิกสมัคร ที่นี่
  • เข้าร่วม Google ads
  • สร้างบัญชีสำหรับการวิเคราะห์หลังบ้าน Google เพื่อดูข้อมูลเชิงลึก
  1. ใช้พลังของ Social E-Commerce เพื่อเพิ่มยอดขาย

ในปี 2019 มูลค่าการสั่งซื้อสินค้าทาง Social Media อยู่ที่ 79.01 ดอลล่าร์สหรัฐ และสิ่งที่ธุรกิจได้รับมากกว่าเม็ดเงิน นั่นคือการเปิดประตูให้ลูกค้ารู้จักร้านค้าหรือธุรกิจคุณมากขึ้น เรามักจะได้ยินอยู่บ่อยๆ ว่าช่องทางในการดึงดูดลูกค้าคือบน Facebook และ Instagram แต่รู้หรือไม่ว่า 47% ของคนค้นหาสินค้าใน Pinterest ในขณะที่ Facebook กับ Instagram ร่วงหล่นอยู่ที่ 15% และ 11% ในกรณีที่ลูกค้าเปลี่ยนใจ หันไปใช้แบรนด์อื่น ร้านค้าออนไลน์ยังสามารถใช้ Social Media เป็นเครื่องมือเรียกใจลูกค้ากลับคืนมาได้ (อ่านเพิ่มเติม How to วิธีรักษาลูกค้าให้ยืนยาว)

  1. นำเสนอเทคโนโลยี AR กับ VR มอบประสบการณ์ให้ลูกค้า (เสมือน) สัมผัสกับสินค้าจริง

AR หรือ Augmented เป็นการนำวัตถุเสมือนมาใช้กับโลกแห่งความเป็นจริง ส่วน VR หรือ Virtual Reality เป็นการจำลองโลกเสมือนที่แยกออกจากโลกแห่งความเป็นจริง เทคโนโลยีของ AR กับ VR นั้น สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมอื่นๆ ได้อีกมากมาย โดยเฉพาะกับร้านค้า E-Commerce เนื่องจากข้อจำกัดของการซื้อออนไลน์คือ ลูกค้าไม่สามารถสัมผัสหรือจับต้องสินค้าได้ก่อน แต่เทคโนโลยี AR และ VR นั้น เข้ามาทลายความท้าทายนั้นลงจนหมดสิ้น

โดยธรรมชาติแล้ว ลูกค้าจะไม่สามารถสามารถสัมผัสกับสินค้าได้ก่อน แต่แอปพลิเคชันยุคนี้ช่วยให้พวกเขามองเห็นสินค้าที่ต้องการ จนราวกับว่าพวกเขาไปเดินเลือกซื้ออยู่ในร้านค้าเสียเอง ปัจจุบัน Ikea และ Amazon มีการใช้เทคโนโลยี AR เพื่อช่วยให้ลูกค้ามองเห็นภาพได้ชัด เมื่อเฟอร์นิเจอร์ถูกนำไปจัดวางไว้บนพื้นที่ห้อง เป็นต้น