สั่งสินค้าจากจีน 7 เคล็ดลับใช้บัตรเครดิตออนไลน์ ปลอดภัย ไร้ความเสี่ยง

สั่งสินค้าจากจีน 7 เคล็ดลับใช้บัตรเครดิตออนไลน์ ปลอดภัย ไร้ความเสี่ยง - gettaobao สั่งสินค้าจากจีน สั่งสินค้าจากจีน  7 เคล็ดลับใช้บัตรเครดิตออนไลน์ ปลอดภัย ไร้ความเสี่ยง 2 768x402

สั่งสินค้าจากจีน ธนาคารออนไลน์ (E-Banking) คือการทำธุรกรรมต่างๆ กับธนาคารโดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการฝากเงิน ถอนเงิน โอนเงินหรือสอบถามยอดเงิน 

ธนาคารออนไลน์นั้น มีข้อดีมากมาย หนึ่งในนั้นคือความสะดวกที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้เลยทันที แต่ทั้งนี้ ก็มีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย เช่นเดียวกับการถูกปล้นที่ตู้ ATM หรือถูกขโมยบัตรเครดิต/เดบิต เป็นต้น

วันนี้ Gettaobao ผู้ให้บริการสั่งสินค้าจากจีนจึงขอแนะนำ 7 เคล็ดลับในการใช้ธนาคารออนไลน์อย่างไรให้ปลอดภัย และลดความเสี่ยงทางการเงินในบัญชีธนาคารออนไลน์ได้อย่างสบายใจหายห่วง

1. เลือกบัญชีที่มีการตรวจสอบความถูกต้องด้วยการรักษาความปลอดภัยสองระดับ
ทุกวันนี้ มีหลายธนาคารที่ให้บริการบนอุปกรณ์ที่สามารถสร้างรหัสการเข้าถึงได้ไม่ซ้ำกัน ในแต่ละครั้งที่คุณเข้าสู่ระบบ รหัสนี้ใช้ได้เฉพาะในช่วงเวลาสั้น ๆ และจำเป็นต้องใช้ข้อมูลการเข้าสู่ระบบของคุณด้วย เพื่อเข้าถึงบัญชีออนไลน์ของคุณ ดังนั้นพยายามเลือกบัญชีธนาคารที่ให้การรับรองความถูกต้องสองระดับสำหรับธนาคารออนไลน์

2. สร้างรหัสผ่านที่คาดเดายาก
หลีกเลี่ยงการใช้คำหรือวลีทั่วไปและอย่าสร้างรหัสผ่าน ที่มีชื่อชื่อย่อหรือวันเกิดเป็นอันขาด หากธนาคารอนุญาตให้เปลี่ยนรหัสผ่านทุกๆ 2-3 เดือน เมื่อตั้งค่าธนาคารออนไลน์ และธนาคารร้องขอให้คุณให้คำตอบเกี่ยวกับคำถามรักษาความปลอดภัยมาตรฐาน จำไว้ว่าคำตอบที่คุณให้ ไม่จำเป็นต้องเป็นความจริงอย่างใดอย่างหนึ่ง

หากธนาคารออนไลน์ต้องการรหัสผ่านที่ผู้ใช้สร้างขึ้น เพื่อเข้าถึงบัญชีออนไลน์ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้สร้างรหัสผ่านที่ปลอดภัยแล้ว วิธีที่ดีที่สุดคือ สร้างรหัสผ่านที่มีความยาว ผสมผสานตัวอักษรพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก ส่วนเคล็ดลับขั้นสุดในการสร้างรหัสผ่านที่นอกจากตัวเลข และตัวหนังสือคือ ตัวอักขระพิเศษ ซึ่งบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของบัญชีจะไม่มีทางคาดเดาได้เลย

3. รักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ของคุณและอัปเดตให้ทันสมัย
ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญมากในทุกวันนี้ ไม่ว่าคุณจะใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์เครื่องใดก็ตาม อย่างน้อยที่สุดให้แน่ใจว่าคุณเปิดไฟร์วอลล์ (ระบบรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะทำหน้าที่เปิด-ปิด การเข้าถึงจากภายนอกเช่น จากอินเตอร์เน็ต เข้าถึงเครือข่ายภายใน เช่น เครือข่ายภายในองค์กร หรือคอมพิวเตอร์ส่วนตัว) และใช้งานซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสอยู่

สิ่งนี้จะช่วยให้คุณได้รับการปกป้องจาก Trojans (โปรแกรมจำพวกหนึ่ง ที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อแอบแฝง การกระทำการบางอย่างในเครื่องของเราจากผู้ที่ไม่หวังดี) และโปรแกรมล็อกเกอร์และมัลแวร์รูปแบบอื่น ๆ ที่สามารถใช้เพื่อเข้าถึงข้อมูลทางการเงิน

4. หลีกเลี่ยงการคลิกผ่านอีเมล
ไม่มีสถาบันการเงินใด ที่ให้แค่บริการด้านธุรกกรรมการเงินอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้น หากคุณได้รับอีเมลเพื่อขอให้ระบุรายละเอียดการเข้าสู่ระบบของคุณ และดูเหมือนว่ามาจากธนาคารที่คุณมีบัญชีอยู่ ให้ดำเนินการด้วยความสงสัย และอย่าชะล่าใจเพราะอาจเป็นความพยายามที่จะหลอกคุณให้ส่งเอกสารรับรอง ขณะเดียวกันให้ระวังลิงก์ในอีเมลที่ดูเหมือนว่ามาจากธนาคารของคุณด้วย

นี่เป็นเคล็ดลับที่เหล่ามิจฉาชีพมักใช้เพื่อให้คุณเข้าสู่เว็บไซต์ที่ดูเหมือนธนาคารของคุณ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ ซึ่งเมื่อคุณเข้าสู่บัญชีส่วนตัวแล้ว พวกเขาจะขโมยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และเงินของคุณในที่สุด เมื่อคุณต้องการเข้าถึงบัญชีธนาคารออนไลน์ วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือพิมพ์ที่อยู่เว็บไซต์ของธนาคารลงในเบราว์เซอร์โดยตรง นอกจากนี้ให้ระวังการโทรที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาจมีการอ้างว่ามาจากธนาคารของคุณ ในขณะที่สถาบันการเงินต้องการให้คุณตอบคำถามเพื่อรักษาความปลอดภัย สิ่งที่ธนาคารตัวจริงไม่ควรถามเลยก็คือ รหัสผ่านหรือ PIN หากมีข้อสงสัย อย่ากลัวที่จะวางสายแล้วโทรสอบถามธนาคารของคุณโดยตรง

5. เข้าถึงบัญชีของคุณจากตำแหน่งที่ปลอดภัย
เคล็ดลับสำคัญในการเข้าถึงบัญชีธนาคารโดยใช้อุปกรณ์และเครือข่ายที่น่าเชื่อถือ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเชื่อมต่อกับธนาคาร แต่ถ้าคุณต้องการเข้าถึงธนาคารออนไลน์จากสถานที่ห่างไกล คุณอาจต้องตั้งค่า VPN (เครือข่ายส่วนตัวเสมือน) เพื่อสร้างการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสไปยังบ้านหรือที่ทำงานของคุณ และเข้าถึงธนาคารของคุณได้จากที่นั่น นอกจากนี้ให้สังเกตไอคอนรูปกุญแจเล็กๆ บนเบราว์เซอร์ ตรวจสอบแถบที่อยู่ URL ของเว็บไซต์ที่เปิด ควรเริ่มต้นด้วย ‘https’ ทั้งสองนี้เป็นการยืนยันว่าคุณกำลังเข้าถึงบัญชีส่วนตัวผ่านการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส

6. ออกจากระบบเสมอเมื่อเสร็จธุระแล้ว
คุณอาจต้อตั้งค่าข้อควรระวังเพิ่มเติมของการเรียกดูแบบส่วนตัวบนอุปกรณ์ของคุณและตั้งค่าเบราว์เซอร์ให้ล้างแคชในตอนท้ายของการเข้าถึงในแต่ละครั้ง

7. ตั้งค่าการแจ้งเตือนบัญชี (ถ้ามี)

ธนาคารบางแห่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับลูกค้าในการตั้งค่าการแจ้งเตือนทางข้อความหรืออีเมล เพื่อแจ้งเตือนว่ามีกิจกรรมหรือความเคลื่อนไหวบางอย่างเกิดขึ้นในบัญชี เช่น หากมียอดการถอนเงินตรงกัน หรือเกินจำนวนเงินที่ระบุ หรือยอดคงเหลือในบัญชีต่ำกว่ากำหนด ระบบจะส่งข้อความการแจ้งเตือนดังกล่าวเกี่ยวกับกิจกรรมที่น่าสงสัยไปยังบัญชีของคุณ

ที่มาข้อมูล : https://nakedsecurity.sophos.com/2013/10/03/8-tips-for-safer-online-banking/